คราวที่แล้วพูดถึงบันดาลโทสะ คราวนี้พูดถึงป้องกันบ้างดีกว่า
มาตรา 68 ผู้ใดจำต้องกระทำการใดเพื่อป้องกันสิทธิของตนเองหรือของผู้อื่นให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้าย อันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ถ้าได้กระทำพอสมควรแก่เหตุ การกระทำนั้นเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นไม่มีความผิด
พี่ทะเลาะกับน้อง โดยพี่พยายามไล่แทงน้อง ร้องซ้ำๆขณะไล่ตามไป ตายแน่ๆ
ผู้น้องนั้นวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ส่วนพี่ก็ไม่ใช่ว่าจะวิ่งไล่แล้วร้องซ้ำๆ อย่างนั้น หากในมือมีดพร้าเงื้อมาด้วย ส่วนน้องก็ต้องหนีสุดชีวิตและรอดไปได้อย่างหวุดหวิด วิ่งขึ้นบ้านของตัวเอง
แต่ว่ายังไม่ทันหายเหนื่อยจากการวิ่งหนีตะกี้ พี่ก็วิ่งมาตรงประตูบ้านอีกแล้ว
แล้วก็พูดว่าให้น้อง ไปเอาปืนมึงมามาดวลกันให้ตายกันไปข้างหนึ่ง คือประมาณว่าวิ่งไล่ฟันด้วยอีโต้ไม่ทันเที่ยวนี้กลับบ้าน ไปเอาปืนมาแล้วขับรถกระบะย้อนกับมาอีก
ส่วนผู้น้องก็ต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อป้องกันตัว จึงดึงลิ้นชักหยิบปืนออกมาวางไว้พร้อมบอกกับพี่ว่า ถ้าขึ้นมาจะยิง ก็จะยิงตอบโต้ไปเหมือนกัน
พี่จอมโมโห ถือวิสาสะขึ้นบนบ้านทันที แล้วพรวดเข้าในห้อง ถึงตัวน้อง
มีเสียงดัง ตึงและตึง โครมและคราม จากการต่อสู้อีรุงตุงนังสลับกันไปจนไม่อาจแยกได้ว่าเสียงเกิดก่อนหลัง จากนั้นมีเสียงดัง ปัง และปัง
พี่ วิ่งลงจากบ้าน แล้วรีบวิ่งขึ้นรถที่จอดทิ้งไว้ขับออกไป ต่อมาคนข้างที่บ้านตกใจ นึกว่าน้องถูกยิงวิ่งขึ้นบ้านไปดู แต่กลายเป็นว่าผู้ตายคือพี่ที่ขับรถออกไปเมื่อกี๊ โดยเสียชีวิตในรถ เลือดท่วม
น้องถูกจับกุมและถูกฟ้องข้อหาฆ่าคนตายศาลชั้นต้นพิพากษาว่า มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 น้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง
โจทก์คือพนักงานอัยการฎีกา ศาลฎีกาในคดีนี้ วินิจฉัยว่า ผู้ตายซึ่งเป็นพี่พกอาวุธปืนมาท้าทาย มีเจตนาจะใช้อาวุธปืนยิงทำร้านน้อง นับเป็นภัยภยันตรายที่ใกล้จะถึงตัวน้อง เมื่อขึ้นบนบ้านไปพบ น้องแล้วมีการต่อสู้กัน น้องจึงชอบที่จะใช้สิทธิป้องกันตนให้พ้นจากภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายของพี่ได้
จากร่องรอยกระสุน น้องยิงไปสองนัด กระสุนถูกพี่นัดเดียวเมื่อ พี่ถูกยิ่งแล้ว น้องก็ไม่ได้ยิงอีก จึงเป็นการป้องกันที่พอสมควรแก่เหตุ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68
พิพากษายกฟ้อง ยืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น