ไม่ใช่ฉ้อโกง
ด้วยความคิดที่เจ้าตัวภูมิใจนักหนาว่า-เด็ดนัก จำเลยหยิบเอาขวดน้ำปลาออกจากกล่องกระดาษมาวางที่ชั้นวางขาย จากนั้นเดินไปที่ร้านวางสุราต่างประเทศวนเวียนขนสุราต่างประเทศค่อยๆ บรรจุลงกล่องน้ำปลาแทนขวดน้ำปลาที่ดึงออกไปแล้ว เมื่อปิดกล่องด้วยสก๊อตเทปให้ดูเรียบร้อย แล้วจึงยกกล่องน้ำปลาที่บรรจุสุราต่างประเทศนั้นลงรถเข็นก่อนจะยกกล่องน้ำปลาอีกกล่องวางทับซ้อนลงไป เขาเข็นรถเข็นบรรทุกกล่องน้ำปลา 2 กล่องที่ช่องชำระเงิน
“ที่บ้านขายอาหาร ต้องใช้น้ำปลาเยอะครับ แหะๆ” เขาเปรยขึ้น ขณะที่พนักงานนำเครื่องอ่านบาร์โค้ดที่กล่องน้ำปลากล่องบนในรถเข็นเพื่อคิดราคาในราคาน้ำปลาทั้ง 2 กล่อง
ทว่าพฤติกรรมก่อนนั้นไม่อาจรอดพ้นจากกล้องวงจรปิด ที่ส่งภาพไปปรากฏในห้องควบคุมรักษาความปลอดภัยประจำห้างสรรพสินค้าได้ เขาถูกรวบตัวหลังเข็นของ 2 กล่องเลยช่องชำระเงินมาเล็กน้อย
จำเลยถูกดำเนินคดีในความผิดฐานลักทรัพย์ จำเลยปฏิเสธว่า ไม่ได้ลักทรัพย์
แล้วต่อสู้ว่า นี่เป็นความผิดฐานฉ้อโกงต่างหาก ไม่ใช่ความผิดฐานลักทรัพย์
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ให้จำคุก
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ยืนยันว่าไม่ได้ลักทรัพย์สักหน่อย ที่ทำไปนั่นละมันเป็นการฉ้อโกงต่างหาก
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พฤติการณ์ที่เอาสุราต่างประเทศใส่ไว้ในลังน้ำปลาแล้วนำสก๊อตเทปปิดลังไว้ โดยนำลังน้ำปลาอีกใบมาวางทับ แล้วนำไปชำระเงินนั้น ย่อมแสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตที่จะเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปตั้งแต่แรกแล้ว
การที่จำเลยนำลังน้ำปลาที่มีสุราต่างประเทศซุกซ่อนอยู่ภายในไปชำระราคาเท่ากับราคาน้ำปลา จนพนักงานนำลังน้ำปลาทั้งสองลังให้ไปเป็นเพียงกลอุบายเพื่อให้บรรลุผลคือการเอาสุราต่างประเทศของผู้เสียหายไปโดยทุจริตเท่านั้น พนักงานของห้างตัวแทนของผู้เสียหายมิได้มีเจตนาส่งมอบการครอบครองสุราต่างประเทศให้
การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ตามฟ้อง หาใช่ความผิดฐานฉ้อโกงตามที่จำเลยฎีกาไม่พิพากษายืนยัน (เทียบคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3535/2553)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น