วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ไม่ใช่ฉ้อโกง


ไม่ใช่ฉ้อโกง
                ด้วยความคิดที่เจ้าตัวภูมิใจนักหนาว่า-เด็ดนัก                จำเลยหยิบเอาขวดน้ำปลาออกจากกล่องกระดาษมาวางที่ชั้นวางขาย  จากนั้นเดินไปที่ร้านวางสุราต่างประเทศวนเวียนขนสุราต่างประเทศค่อยๆ  บรรจุลงกล่องน้ำปลาแทนขวดน้ำปลาที่ดึงออกไปแล้ว    เมื่อปิดกล่องด้วยสก๊อตเทปให้ดูเรียบร้อย  แล้วจึงยกกล่องน้ำปลาที่บรรจุสุราต่างประเทศนั้นลงรถเข็นก่อนจะยกกล่องน้ำปลาอีกกล่องวางทับซ้อนลงไป เขาเข็นรถเข็นบรรทุกกล่องน้ำปลา 2  กล่องที่ช่องชำระเงิน
                ที่บ้านขายอาหาร  ต้องใช้น้ำปลาเยอะครับ  แหะๆ  เขาเปรยขึ้น  ขณะที่พนักงานนำเครื่องอ่านบาร์โค้ดที่กล่องน้ำปลากล่องบนในรถเข็นเพื่อคิดราคาในราคาน้ำปลาทั้ง  2  กล่อง
                ทว่าพฤติกรรมก่อนนั้นไม่อาจรอดพ้นจากกล้องวงจรปิด  ที่ส่งภาพไปปรากฏในห้องควบคุมรักษาความปลอดภัยประจำห้างสรรพสินค้าได้  เขาถูกรวบตัวหลังเข็นของ  2  กล่องเลยช่องชำระเงินมาเล็กน้อย
                จำเลยถูกดำเนินคดีในความผิดฐานลักทรัพย์  จำเลยปฏิเสธว่า  ไม่ได้ลักทรัพย์
                แล้วต่อสู้ว่า  นี่เป็นความผิดฐานฉ้อโกงต่างหาก  ไม่ใช่ความผิดฐานลักทรัพย์
                ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ให้จำคุก
                จำเลยอุทธรณ์  ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
                จำเลยฎีกา  ยืนยันว่าไม่ได้ลักทรัพย์สักหน่อย  ที่ทำไปนั่นละมันเป็นการฉ้อโกงต่างหาก
                ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า  พฤติการณ์ที่เอาสุราต่างประเทศใส่ไว้ในลังน้ำปลาแล้วนำสก๊อตเทปปิดลังไว้  โดยนำลังน้ำปลาอีกใบมาวางทับ  แล้วนำไปชำระเงินนั้น  ย่อมแสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตที่จะเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปตั้งแต่แรกแล้ว
                การที่จำเลยนำลังน้ำปลาที่มีสุราต่างประเทศซุกซ่อนอยู่ภายในไปชำระราคาเท่ากับราคาน้ำปลา  จนพนักงานนำลังน้ำปลาทั้งสองลังให้ไปเป็นเพียงกลอุบายเพื่อให้บรรลุผลคือการเอาสุราต่างประเทศของผู้เสียหายไปโดยทุจริตเท่านั้น  พนักงานของห้างตัวแทนของผู้เสียหายมิได้มีเจตนาส่งมอบการครอบครองสุราต่างประเทศให้            
                การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ตามฟ้อง  หาใช่ความผิดฐานฉ้อโกงตามที่จำเลยฎีกาไม่พิพากษายืนยัน                (เทียบคำพิพากษาศาลฎีกาที่  3535/2553)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น