วันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ที่ดินตาบอด ทางจำเป็น


กรณีที่ดินตาบอดและทางจำเป็น 
                เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อปี พ.ศ. 2517 ตอนที่ซื้อนั้น โจทก์เห็นอยู่แล้วละว่าที่ดินที่ซื้อเป็นที่ดินตาบอด  คือไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ แต่ก็มั่นใจว่า  สักระยะที่ดินย่านนี้ต้องเจริญขึ้นมา  ซึ่งก็เป็นไปตามจริง  เพราะตอนนี้เริ่มมีถนนเข้ามาแล้ว  เพียงแต่ไม่ผ่านที่ดินของโจทก์ เท่านั้นเอง
                รอบๆ ที่ดินของโจทก์ นั้น  เขาทำนากันหมดแล้ว  โจทก์ต้องการที่จะให้ที่ดินของตนมีราคา คือต้องการให้มีถนนผ่านที่ดินของตน  ก็ต้องฟ้องจำเลย ซึ่งที่ทำนาอยู่ข้างๆ ขอให้ศาลบังคับเปิดทางจำเป็นกว้าง 4 เมตรา  ความยาวตลอดแนว  นัยว่าเพื่อรถยนต์เข้าออกไปสะดวก  เพื่อจำได้ออกสู่ทางสาธารณะได้
                แต่ที่ดินของจำเลย มีอยู่เพียง 3 งานเศษ  ไม่ถึงไร่  ถ้าโจทก์มาขอเป็นทางออกกว้าง 4 เมตร นั้นแล้วจะเหลืออะไรทำกิน  จำเลยก็ต้องต่อสู้คดี    ศาลชั้นต้นยกฟ้องของโจทก์
  แต่ไม่นานโจทก์อุทธรณ์คดี  ยืนยันขอทางจำเป็นตามที่ฟ้อง  เที่ยวนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ทางจำเป็นตามที่โจทก์ขอ
                จำเลยฎีกาว่า  หาควรไม่  เพราะโจทก์สามารถใช้ทางผ่านที่ดินแปลงอื่นเป็นทางเข้าออกสู่ทางสาธารณะได้ไม่จำเป็นต้องผ่านที่ดินของตน ศาลฎีกาบอกว่า  ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  มาตรา1349  วรรคหนึ่ง  บัญญัติว่า ที่ดินแปลงใดมีที่ดินแปลงอื่นล้อมอยู่จนไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะได้ไซร้  เจ้าของที่ดินแปลงนั้นจะผ่านที่ดินซึ่งล้อมอยู่ไปสู่ทางสาธารณะได้
                เห็นว่า  การของทางผ่านที่ดินซึ่งล้อมอยู่ไปทางสาธารณะนั้นบทกฎหมายมิได้บังคับว่า  เจ้าของที่ดินที่ถูกที่ดินแปลงอื่นล้อมจะต้องขอผ่านที่ดินแปลงซึ่งอยู่ใกล้ทางสาธารณะมากที่สุด  เจ้าของที่ดินซึ่งถูกที่ดินแปลงอื่นล้อมจึงมีสิทธิของผ่านที่ดินแปลงใดก็ได้                    เพียงแต่การที่จะผ่านที่ดินที่ล้อมนั้น  มาตรา 1349  วรรคสาม บัญญัติว่า  ที่และวิธีทำทางผ่านนั้นจะต้องเลือกให้พอควรแก่ความจำเป็นของผู้มีสิทธิจะผ่าน  กับทั้งในคำนึงถึงที่ดินที่ล้อมอยู่ให้เสียหายแต่น้อยที่สุดที่จะเป็นไปได้ถ้าจำเป็น  ผู้มีสิทธิจะผ่านจะสร้างถนนเป็นทางผ่านก็ได้
                เมื่อที่ดินของโจทก์ ถูกที่ดินแปลงอื่นล้อมอยู่จนไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะ  โจทก์ จึงมีสิทธิขอเปิดทางในที่ดินของจำเลย เป็นทางจำเป็น             มีปัญหาต้องวินิจฉัยอีกว่า  ทางที่โจทก์ ขออกสู่ทางสาธารณะจำเป็นสำหรับรถยนต์หรือไม่               เห็นว่า ทางจำเป็น  เกิดขึ้นโดยผลของกฎหมาย  ผู้มีสิทธิใช้ทางจำเป็นจึงต้องใช้โดยมีขอบเขตด้วยความระมัดระวัง  โดยคำนึงถึงผลเสียหายอันจะเกิดขึ้นแก่ผู้เป็นเจ้าของที่ดินที่ถูกบังคับใช้ทางจำเป็นด้วย
                โจทก์ซื้อที่ดินมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517  ขณะนั้นยังไม่มีทางสาธารณะ  ย่อมรู้อยู่แก่ใจแล้วแต่ในขณะนั้นว่า  ที่ดินที่ซื้อไม่อาจใช้รถยนต์ผ่านเข้าออกได้  คงใช้ทางได้เฉพาะการเดินทางเข้าออกเท่านั้นจึงไม่อาจอ้างว่าได้ทางจำเป็นเพื่อการใช้รถยนต์             ประกอบกับที่ดินของจำเลย มีเนื้อที่เพียง 3 งานเศษ  หากเปิดทางจำเป็นกว้างถึง 4 เมตร  ตามที่โจทก์ ขอย่อมเสียหายแก่จำเลย เกินสมควร
                ศาลฎีกาพิพากษาแก้ตำพิพากษาศาลอุทธรณ์  เป็นให้จำเลย เปิดทางกว้าง 1 เมตร  ยาวตลอดแนวที่ดินให้โจทก์ออกสู่ทางสาธารณะ สรุป โจทก์ได้ทางเดินเข้าออกตามที่จำเป็นส่วนจำเลยก็โล่งไปไม่น้อยที่ไม่ต้องเสียเนื้อที่มาก
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  มาตรา 1349        ที่ และ วิธีทำทางผ่านนั้น ต้องเลือกให้พอควรแก่ความจำเป็น ของผู้มีสิทธิจะผ่าน กับทั้งให้คำนึงถึง ที่ดินที่ล้อมอยู่ ให้เสียหายแต่น้อยที่สุด ที่จะเป็นได้ ถ้าจำเป็น ผู้มีสิทธิจะผ่าน จะสร้างถนน เป็นทางผ่าน ก็ได้
                ผู้มีสิทธิจะผ่าน ต้องใช้ค่าทดแทน ให้แก่เจ้าของที่ดิน ที่ล้อมอยู่เพื่อความเสียหาย อันเกิดแต่เหตุที่มีทางผ่านนั้น ค่าทดแทนนั้น นอกจากค่าเสียหาย เพราะสร้างถนน โดยจะกำหนดเป็นเงินรายปี ก็ได้

1 ความคิดเห็น:

  1. ชาวชนบทต้องยอมขายที่ดินถูกๆ เพราะใม่เข้าใจเรื่องสิทธิ

    ตอบลบ